
คิมการัม อดีตสมาชิกวงเกิร์ลกรุ๊ปเคป็อปอย่าง LE SSERAFIM ที่ออกจากวงไปหลังจากมีประเด็นเรื่องการบูลลี่เพื่อนร่วมชั้นในโรงเรียนของเธอ ซึ่งการัมก็ได้ออกมาเปิดเผยถึงเรื่องดังกล่าวในมุมของเธอเอง
ย้อนกลับไปช่วงเดือนกรกฎาคม ทาง SOURCE MUSIC/HYBE ซึ่งเป็นค่ายต้นสังกัดที่คอยดูแลวง LE SSERAFIM ได้ออกมาประกาศว่า คิมการัม จะออกจากการเป็นสมาชิกของวง LE SSERAFIM
ซึ่งก่อนการเดบิวต์อย่างเป็นทางการของวงในเดือนพฤษภาคม คิมการัมก็ได้กลายเป็นศูนย์กลางของการโต้เถียงของชาวเน็ต หลังจากที่เธอถูกกล่าวหาว่าเธอเคยบูลลี่เพื่อนร่วมชั้นในตอนช่วงมัธยมต้น
ในขณะที่การโต้เถียงถึงประเด็นดังกล่าวยังคงดำเนินต่อไป เหล่าแฟนคลับก็ได้ออกมาเรียกร้องให้ทางค่ายต้นสังกัดปลดคิมการัมออก จนในที่สุดทางค่ายก็ได้ตัดสินใจยุติสัญญาพิเศษกับคิมการัมไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จากนั้นในวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา มีบุคคลรายหนึ่งที่อ้างว่าเป็นเพื่อนของคิมการัม ได้ออกมาโพสต์จดหมายของคิมการัมบนโลกออนไลน์
และสิ่งที่แนบมาพร้อมกับจดหมายดังกล่าวก็คือ เอกสารที่เกี่ยวข้องกับคดีของคิมการัม และเพื่อนของเธอที่ถูกเขียนขึ้นมาโดยฝ่ายปกครองของโรงเรียนนั่นเอง
ในจดหมายดังกล่าว คิมการัม เขียนเอาไว้ว่า:
สวัสดี นี่คือคิมการัม
ก่อนอื่นเลย ฉันอยากจะบอกว่าฉันขอโทษ และรู้ว่ามันก็สายมากเกินไปแล้ว แต่ฉันก็ไม่มีโอกาสที่จะออกมาพูดและอธิบายถึงเรื่องดังกล่าวในมุมของฉันสักที ฉันพยายามอย่างมากเพื่อที่จะทำความฝันของฉันให้เป็นจริง ซึ่งความจริงที่ฉันกลัวมาตลอดก็คือการที่ซักวันความฝันที่ฉันพยายามวิ่งเข้าหามันมาตลอดจะพังลงเพราะการกระทำของตัวฉันในอดีต
แต่นับวันฉันก็ยิ่งกลัวกับคำวิพากษ์วิจารณ์ที่หลั่งไหลเข้ามามากเรื่อยๆ แม้ว่าเวลาจะผ่านมานานมากแล้วก็ตาม และฉันก็อยากที่จะเล่าเรื่องในมุมของฉันจริงๆ ถ้าหากว่าฉันได้รับโอกาสนั้น
1. ฉันไม่เคยทำร้ายหรือใช้ความรุนแรงกับใครเลยแม้แต่ครั้งเดียว
2. ฉันไม่เคยถูกบังคับให้ย้ายจากโรงเรียนหนึ่งไปอีกโรงเรียนหนึ่ง
3. ฉันไม่เคยดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่
4. ฉันไม่เคยรังแกใคร
5. ฉันเป็นแค่นักเรียนธรรมดาๆ คนหนึ่ง
โดยทางฝ่ายปกครองที่คุมพฤติกรรมความรุนแรงในโรงเรียนบันทึกเอาไว้ว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในระหว่างเดือนมีนาคมจนถึงเดือนพฤษภาคมที่โรงเรียนมัธยมต้น เมื่อยู (อดีตเพื่อนร่วมชั้นของคิมการัมที่เป็นคนนำเรื่องการบูลลี่ในโรงเรียนมาเป็นข้อโต้เถียงบนโลกออนไลน์เป็นคนแรก) ได้อัปโหลดรูปภาพเพื่อนของฉันที่อยู่ในชุดชั้นในและเอาเธอไปนินทาลับหลัง ซึ่งระหว่างที่ฉันกำลังโต้เถียงกับยูเพื่อที่จะช่วยเพื่อนของฉันที่ตกเป็นเหยื่อ ฉันก็เริ่มถูกสาปแช่ง
ในตอนนั้นตัวฉันเองก็ไม่ได้ตระหนักถึงขนาดของผลกระทบที่จะตามมาถึงวง ดังนั้นฉันจึงไม่สามารถโต้แย้งได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าการโต้เถียงกับยูนั้นไม่ใช่เรื่องที่ผิด ฉันคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่จะช่วยเหลือคนที่ตกเป็นเหยื่อ และฉันก็ไม่ได้คิดไตร่ตรองก่อนที่จะทำสิ่งนั้นลงไป เพราะเรารู้สึกว่าการกระทำในตอนนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งเมื่อมองย้อนกลับไป ฉันเองก็ยังเด็กมาก และยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วยซ้ำ อีกทั้งมิตรภาพก็เป็นสิ่งที่สำคัญกับฉันมากๆ ในตอนนั้น และการที่ได้ใช้เวลากับเพื่อนๆ เป็นสิ่งที่สนุกที่สุด
วิธีการในการแก้ปัญหาและกระทำของฉันมันผิดมากๆ ฉันทำผิดพลาดมามากมาย แต่ฉันก็ไม่อยากรู้สึกเกลียดตัวเองในเวลานั้นอีกต่อไปแล้ว เพราะพ่อแม่ของฉันท่านมักจะบอกกับฉันเสมอว่าอย่าเพิกเฉยเมื่อเพื่อนต้องการความช่วยเหลือหรือมีปัญหา และฉันก็ยังคงยึดมั่นในหลักการนั้นเสมอมาจนถึงทุกวันนี้
จากนี้ไปฉันจะพยายามให้มากขึ้นเพื่อให้ชีวิตในอนาคตของฉันสดใส สำหรับการเดบิวต์ที่ผ่านมามันเป็นช่วงเวลาที่ฉันได้ต่อสู้เพื่อความฝันของตัวเอง ถึงแม้ว่า 2 สัปดาห์หลังจากที่ได้เดบิวต์มันจะเหมือนกับว่าฉันตื่นจากความฝันของฉันก็ตาม แต่มันก็จะเป็นความทรงจำในชีวิตที่ฉันจะไม่มีวันลืม ฉันจะพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเพื่อที่จะเป็นคนที่ดีกว่าเดิม และฉันก็อยากจะขอบคุณแฟนๆ ที่คอยรักและสนับสนุนฉันมาโดยตลอด ฉันผ่านทุกอย่างมาได้จนถึงวันนี้ก็เพราะพวกเขา ฉันจะพยายามทำงานให้หนักขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ ขอบคุณที่อ่านจดหมายที่ยาวนี้จนจบ
ที่มา 1